kaka-005@hotgamil.com

วันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2552

ข้อสอบภาคปฏิบัติ 10 คะแนน

ข้อสอบวิชาสังคม
1.ให้บอกลักษณะภูมิประเทศของภากใต้ ภากกลางและภากตะวันออกเฉียงเหนือง
ตอบภาคกลางภาคกลางประกอบด้วยพื้นที่ของ 22 จังหวัด ได้แก่ 1.สุโขทัย 2.พิษณุโลก 3.กำแพงเพชร 4.พิจิตร 5.เพชรบูรณ์(ภาคกลางตอนบน)6.นครสวรรค์ 7.อุทัยธานี 8.ชัยนาท 9.ลพบุรี 10.สิงห์บุรี 11.อ่างทอง 12.สระบุรี 13.สุพรรณบุรี 14.พระนครศรีอยุธยา15.นครนายก 16.ปทุมธานี 17.นนทบุรี 18.นครปฐม 19.กรุงเทพมหานคร 20.สมุทรปราการ 21.สมุทรสาคร 22.สมุทรสงคราม
2.ให้บอกแหล่งท่องเทียวของจังหวัดอยุทยามา 5 อย่าง
ตอบ ศูนย์ศึกษาประวัติศาสตร์อยุธยา จัดตั้งขึ้นตามโครงการที่นักวิชาการไทยและนักวิชาการญี่ปุ่นปรับขยายมาจากข้อเสนอเดิมของสมาคมไทย-ญี่ปุ่น และจังหวัดพระนครศรีอยุธยาซึ่งเคยเสนอปรับปรุงบริเวณที่เคยเป็นหมู่บ้านญี่ปุ่น ให้จัดสร้างเป็นพิพิธภัณฑ์หมู่บ้านญี่ปุ่น มาเป็นการเสนอให้จัดตั้งเป็นศูนย์ศึกษาประวัติศาสตร์อยุธยา ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นสถาบันวิจัยและพิพิธภัณฑสถานเกี่ยวกับราชอาณาจักรอยุธยาโดยรวม และได้รับงบประมาณช่วยเหลือแบบให้เปล่าจากรัฐบาลญี่ปุ่นเป็นเงิน 999 ล้านเยน เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติในพระบรมราชวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 60 พรรษา และเพื่อเป็นที่ระลึกในโอกาสที่มิตรภาพระหว่างประเทศญี่ปุ่นกับราชอาณาจักรไทยได้สถาวรยืนนานมาครบ 100 ปี ศูนย์แห่งนี้เปิดทำการทุกวัน(วันจันทร์-ศุกร์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 09.00-16.30น. วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 09.00-17.00น.) อัตราค่าเข้าชมสำหรับนักเรียน และนักศึกษา ในเครื่องแบบ 5 บาท ประชาชนทั่วไป 20 บาท นักเรียนต่างชาติ 50 บาท ชาวต่างประเทศ 100 บาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. (035)245123-4 วัดบรมพุทธาราม อยู่ภายในบริเวณสถาบันราชภัฏพระนครศรีอยุธยา หรือที่ชาวบ้านเรียกกันทั่วไปว่า “วัดกระเบื้องเคลือบ” เพราะแต่เดิมนั้นพระอุโบสถมุงด้วยกระเบื้องเคลือบสีเหลืองแกมเขียว วัดนี้สมเด็จพระเพทราชาทรงสร้างขึ้นที่บริเวณพระนิเวศน์เดิม พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา ตั้งอยู่ที่ตำบลประตูชัย ถนนโรจนะ ตรงข้ามกับสถาบันราชภัฏพระนครศรีอยุธยา หากมาจากกรุงเทพฯ เข้าตัวเมืองอยุธยา จากนั้นข้ามสะพานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช แล้วตรงไปประมาณ 2 ไฟแดง ไปอีกไม่ไกลนักจะเห็นพิพิธภัณฑ์อยู่ทางขวามือ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้สร้างขึ้นด้วยเงินที่ประชาชนเช่าพระพิมพ์ที่ขุดได้จากกรุวัดราชบูรณะซึ่งเป็นวัดที่สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 (เจ้าสามพระยา) ทรงสร้าง จึงให้ชื่อว่า “พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา” พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เมื่อปีพ.ศ. 2504 คุ้มขุนแผน ตั้งอยู่ที่ถนนป่าโทน เป็นตัวอย่างของหมู่เรือนไทยภาคกลาง ในรูปแบบเรือนคหบดีไทยสมัยโบราณ เดิมเป็นจวนสมุหเทศาภิบาล มณฑลกรุงเก่า พลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมขุนมรุพงศ์สิริพัฒน์ทรงสร้างขึ้นในปีพ.ศ.2437 ที่เกาะลอยบริเวณสะพานเกลือซึ่งอยู่ตรงข้ามกับที่ว่าการมณฑล ต่อมาในราวปีพ.ศ. 2483 ปรีดี พนมยงค์นายรัฐบุรุษอาวุโสได้ย้ายจวนหลังนี้มาสร้างในบริเวณคุกนครบาลเก่าของพระนครศรีอยุธยา พร้อมทั้งสร้างเรือนไทยเพิ่มขึ้นอีกในปี พ.ศ.2499 และให้ชื่อเรือนไทยนี้ว่าคุ้มขุนแผน ซึ่งเชื่อกันว่าขุนแผนเคยต้องโทษอยู่ในคุกแห่งนี้ การเดินทาง หากมาจากกรุงเทพฯ เข้าตัวเมืองอยุธยาแล้วให้ข้ามสะพานสมเด็จพระนเรศวรมหาราชตรงไปจนถึงศาลากลางจังหวัดหลังเดิม จะเห็นสามแยกแล้วเลี้ยวขวาตรงไปไม่ไกลนักจะเห็นคุ้มขุนแผนอยู่ทางซ้ายมือ วิหารพระมงคลบพิตร ตั้งอยู่ทางด้านทิศใต้ของวัดพระศรีสรรเพชญ์ ใช้เส้นทางเดียวกับทางไปคุ้มขุนแผน วิหารพระมงคลบพิตรจะอยู่ถัดไปไม่ไกลนัก พระมงคลบพิตรเป็นพระพุทธรูปบุสัมฤทธิ์ปางมารวิชัย มีขนาดหน้าตักกว้าง 9.55 เมตรและสูง 12.45 เมตร นับเป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่องค์หนึ
3.แม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่านจังหวัดอะไรบ้าง
ตอบ
4.ประเพณีชักพระประชาชนมีกิจกรรมอะไรบ้าง
ตอบ
5.ทุ่งกุลาปลูกพทืชอะไรได้บ้าง
ตอบ

ประวัติของลูกเสือไทย


ผู้ให้กำเนิดกระบวนการลูกเสือ ประมุขคณะลูกเสือโลกบี.พี.เมื่อเป็นเด็ก บี.พี. ในอินเดีย การรบในแอฟริกา การล้อมเมืองมาฟอีคิง (The siege of mafeking) กำเนิดของการลูกเสือ หนังสือ Scouting for Boys ชีวิตที่สองของ บี.พี. ความเป็นพี่น้องทั่วโลก ( World Brotherhood ) บั่นปลายชีวิต
ผู้ให้กำเนิดกระบวนการลูกเสือ ประมุขคณะลูกเสือโลก
ถ้าท่านต้องการเข้าใจเรื่องลูกเสือโดยตลอด ท่านจำเป็นต้องรู้เรื่องราวบางอย่างเกี่ยวกับคนที่ได้ให้กำเนิดกระบวนการลูกเสือ ซึ่งเป็นคนของเด็กโดยแท้จริงผู้หนึ่งซึ่งเคยมีชีวิตอยู่ ท่านผู้นี้คือ ลอร์ด เบเดน-โพเอลล์ แห่งกิลเวลล์ ประมุขคณะลูกเสือโลก ซึ่งบรรดาลูกเสือพากันเรียกชื่อท่านด้วยความรักว่า "B.-P."
โรเบิร์ต สตีเฟนสัน สไมธ์ เบเดน-โพเอลล์ (Robert Stephenson Smyth Baden - Powell) เกิดในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1857 ตรงกับวันที่พวกอเมริกันฉลองวันเกิดของยอร์ช วอชิงตัน อายุครบรอบร้อยปี บิดาของท่านชื่อ Reverend H.G. Beden-Powell เป็นศาสตราจารย์ที่ออกซ์ฟอร์ด มารดาของท่านเป็นธิดาของพลเรือเอกดับ ที. สไมธ์ (W.T. Smyth) แห่งราชนาวีอังกฤษ ทวดของท่านคือ โจเซฟ บรูเออร์ สไมธ์ (Joseph Brewer Smyth) ได้อพยพไปอยู่อเมริกา ในนิวเจอร์ซี่แกต่ได้เดินทางกลับไปอังกฤษและเรือแตกในระหว่างที่เดินทางกลับถึงบ้าน ฉะนั้นเบเดน-โพเอลล์ จึงเป็นผู้สืบสันดานผู้ที่เป็นพระสายหนึ่ง และของผู้อพยพที่กล้าผจญภัยในโลกใหม่อีกสายหนึ่ง
บี.พี.เมื่อเป็นเด็ก
บิดาของ บี.พี.ถึงแก่กรรมเมื่อ บี.พี.มีอายุประมาณ 3 ปี ทิ้งมารดาของ บี.พี. ไว้พร้อมด้วยบุตร 7 คน ซึ่งมีอายุต่ำกว่าสิบสี่ปี มักจะมีเวลาเดือนร้อยบ่อยๆ สำหรับครอบครัวใหญ่นั้นแต่ความรักร่วมกันของมารดาที่มีต่อบุตร และของบุตรที่มีต่อมารดาได้ทำให้ครอบครัวนี้สามารถฟันฝ่าอุปสรรคไปได้ บี.พี.ได้ดำรงชีวิตกลางแจ้งอย่างสนุกสนานกับพี่น้องสี่คนของเขา โดยได้เดินทางไกลและไปพักแรมร่วมกันตามที่ต่างๆ ในประเทศอังกฤษหลายแห่ง ในปี ค.ศ. 1870 บี.พี. ได้เข้าเรียนในโรงเรียนชาร์ตเตอร์เฮาส์ในกรุงลอนดอน โดยได้รับทุนเล่าเรียน ท่านไม่ใช่คนเก่งทางหนังสือมากนัก แต่ทานก็เป็นคนที่สนุกสนานที่สุดคนหนึ่ง เมื่อมีอะไรในสนามของโรงเรียน ท่านจะอยู่ในกลุ่มนั้นเสมอ และในไม่ช้าก็เป็นที่รู้จักกันว่าท่านเป็นผู้รักษาประตูฝีมือดีในชุดฟุตบอลของโรงเรียนชาร์เตอร์เฮาส์ ความสามารถของท่านในทางละครได้รับความนิยมจากเพื่อนนักเรียนเป็นอันมาก เมื่อได้รับคำเรียกร้องท่านก็สามารถเสนอการแสดงซึ่งทำให้คนทั้งโรงเรียนหัวเราะกันจนท้องคัดท้องแข็ง เล่ห์เหลี่ยมการซุ่มตามจับสัตว์ซึ่ง บี.พี.ได้ฝึกฝนทีในป่ารอบๆ โรงเรียนชาร์เตอร์เฮาส์กลายเป็นคุณประโยชน์แก่เขาที่ในอินเดีย และแอฟริกา ท่านชอบดนตรีด้วย และคุณสมบัติพิเศษของท่านในการเขียนภาพร่าง ทำให้ท่านสามารถเขียนภาพประกอบหนังสือของท่านเองในภายหลัง

ปหัวข้อด้านบน
บี.พี. ในอินเดีย
พออายุ 19 ปี บี.พี. ก็จบจากโรงเรียน และยอมรับโอกาสที่จะไปอินเดียทันทีโดยได้รับยศเป็นร้อยตรีในกองทหาร ซึ่งอยู่ในปีกขวาของแถวทหารม้าที่บรรยายไว้ในคำกลอนที่มีชื่อเสียง "Charge of the Light Brigade" ในสงครามไครเมีย นอกจากจะได้ปฏิบัติหน้าที่ทางทหารอย่างดีเด่นแล้ว ท่านได้รับยศร้อยเอก เมื่อายุ 26 ปี ท่านยังได้รับรางวัลสำหรับการแข่งขันกีฬาทั่วประเทศอินเดียที่มีผู้อยากได้มากที่สุดคือ การแข่งขันแทงหมู "Pig sticking" ซึ่งเป็นการล่าหมูป่าบนหลังม้าโดยมีหอกสั้นเล่มเดียวเป็นอาวุธ ซึ่งอันตรายมากเพราะหมูป่าถูกให้คำนิยามว่าเป็น "สัตว์ชนิดเดียวเท่านั้นที่กล้ากินน้ำแห่งเดียวกับเสือ"บี.พี. ในอินเดีย
พออายุ 19 ปี บี.พี. ก็จบจากโรงเรียน และยอมรับโอกาสที่จะไปอินเดียทันทีโดยได้รับยศเป็นร้อยตรีในกองทหาร ซึ่งอยู่ในปีกขวาของแถวทหารม้าที่บรรยายไว้ในคำกลอนที่มีชื่อเสียง "Charge of the Light Brigade" ในสงครามไครเมีย นอกจากจะได้ปฏิบัติหน้าที่ทางทหารอย่างดีเด่นแล้ว ท่านได้รับยศร้อยเอก เมื่อายุ 26 ปี ท่านยังได้รับรางวัลสำหรับการแข่งขันกีฬาทั่วประเทศอินเดียที่มีผู้อยากได้มากที่สุดคือ การแข่งขันแทงหมู "Pig sticking" ซึ่งเป็นการล่าหมูป่าบนหลังม้าโดยมีหอกสั้นเล่มเดียวเป็นอาวุธ ซึ่งอันตรายมากเพราะหมูป่าถูกให้คำนิยามว่าเป็น "สัตว์ชนิดเดียวเท่านั้นที่กล้ากินน้ำแห่งเดียวกับเสือการล้อมเมืองมาฟอีคิง (The siege of mafeking)
สงครามเกิดขึ้นและเป็นเวลา 217 วันตั้งแต่ 13 ตุลาคม ค.ศ. 1899 บี.พี. ได้รักษาเมืองมาฟอีคิงให้พ้นจากเงื้อมมือของข้าศึก ซึ่งตั้งล้อมอยู่และมีจำนวนมากกว่าอย่างมากมายไว้ได้ จนกระทั้งในที่สุดกองทหารที่มาช่วยได้บุกเข้าไปช่วยเหลือเป็นผลสำเร็จ เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม ค.ศ.1900 บริเตนใหญ่รู้สึกอึดอัดใจตลอดระยะเวลานานเป็นเดือนๆ เหล่านี้ เมื่อในสุดมีข่าวว่า "มาฟอีคิง" พ้นจากการถูกล้อมแล้ว" คนอังกฤษก็ตื่นเต้นยินดีอย่างเป็นบ้า จนเป็นคำที่คนอังกฤษใช้กันเกี่ยวกับการเฉลิมฉลอง ในตอนนั้น บี.พี.ได้เลื่อนยศเป็นพลตรี และได้พบว่าตัวท่านเองได้รับการยกย่องให้เป็นวีรบุรุษในสายตาของเพื่อนร่วมชาติของท่านกำเนิดของการลูกเสือ
บี.พี.ได้เดินทางกลับจากแอฟริกาใต้ไปอังกฤษ ใน ค.ศ.1901 ในฐานะวีระบุรุษของทั้งผู้ใหญ่และเด็ก ท่านได้รับเกียรติมากมายหลายประการ และได้ค้นพบด้วยความแปลกประหลาดใจว่า ความมีชื่อเสียงส่วนตัวของท่านได้ทำให้หนังสือของท่านที่แต่งไว้สำหรับการทหารชื่อ Aids to Scouting ได้พลอยมีชื่อเสียงไปด้วย มีผู้เอาหนังสือนั้นไปใช้เป็นแบบเรียนในโรงเรียนชายต่างๆ บี.พี.มองเห็นการท้าทายที่สำคัญในเรื่องนี้ ท่านหลับตามองเห็นโอกาสของท่านที่จะช่วยเด็กชายอังกฤษให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่แข็งแรง ถ้าหนังสือสำหรับผู้ใหญ่เกี่ยวกับการปฏิบัติในการสอดแนมเป็นที่ถูกใจเด็ก และเร้าใจเด็กก็เป็นของแน่ว่าหนังสือที่เขียนขึ้นสำหรับเด็กเอง ก็คงจะก่อให้เกิดผลที่กว้างขวางยิ่งขึ้น ท่านเริ่มทำงานโดยคิดดัดแปลงจากประสบการณ์ของท่านในอินเดีย และในแอฟริกาเมื่อท่านอยู่กับพวกซูลูและคนพื้นเมืองเผ่าอื่น ท่านจัดทำห้องสมุดพิเศษขึ้น และอ่านหนังสือเกี่ยวกับการฝึกอบรมเด็กทุกยุคทุกสมัย นับตั้งแต่เด็กสปาตานคนอังกฤษในสมัยโบราณ พวกอินเดียนแดง จนถึงสมัยเรา บี.พี.ได้พัฒนาความคิดเห็นในเรื่องการลูกเสืออย่างช้าๆ และด้วยความระมัดระวัง ท่านต้องการทำให้แน่ใจว่า ความคิดเห็นของท่านอาจนำมาใช้ได้ ในทางปฏิบัติ ดังนั้นในฤดูร้อนของปี ค.ศ. 1970 ท่านจึงรวบรวมเด็กยี่สิบคนให้ไปอยู่กับท่านที่เกาะบราวน์ซี (Brownsea) ในช่องแคบอังกฤษ ซึ่งนับว่าเป็นการอยู่ค่ายพักแรมของลูกเสือครั้งแรกซึ่งโลกได้เคยเห็นการอยู่ค่ายครั้งนี้ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม

วันอังคารที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2552

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ


ภูมิภาคนี้มีลักษณะโดดเด่นกว่าส่วนอื่นของประเทศประกอบด้วยจังหวัด 19 จังหวัดคือ หนองคาย นครพนม มุกดาหาร ชัยภูมิ สกลนคร อุดรธานี เลย ขอนแก่น มหาสารคาม กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด ยโสธร นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี อุดรธานี หนองบัวลำภู และ อำนาจเจริญ นับได้ว่าเป็นภูมิภาคที่มีพื้นที่และประชากรมากที่สุด นอกจากนั้นยังเป็นภูมิภาคที่มีปัญหาในด้านต่าง ๆ มากที่สุด เช่น ปัญหาความแห้งแล้ง ความยากจน ประชากรอพยพย้ายถิ่น ประชากรในภาคนี้พูดภาษาไทยสำเนียงอีสาน แตกต่างไปจากสำเนียงท้องถิ่นในภาคเหนือแต่ประชากรส่วนใหญ่สามารถพูด สำเนียงไทยภาคกลางได้ ประชากรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีการแต่งกายเป็นเอกลักษณ์ของตนคือหญิงมักจะนุ่งผ้าซิ่นทอ ด้วยฝ้ายมีเชิงคลุมเลยเข่าไปเล็กน้อย สวมเสื้อแขนสั้น ผู้สูงอายุมักตัดผมสั้นไว้จอน ส่วนผู้ชายไม่ค่อยมีรูปแบบที่แน่นอนนัก แต่มักนุ่งกางเกงมีขาครึ่งน่องหรือนุ่งโสร่งผ้าไหม อย่างไรก็ตามเครื่องแต่งกายดังกล่าวจะพบน้อยลง ในปัจจุบันประชากร วัยหนุ่มสาวจะแต่งกายตามสมัยนิยมอย่างที่พบเห็นในที่อื่น ๆ ของประเทศ
อาชีพในภาคตะวันออกเฉียงเหนือคือการเพาะปลูก พืชที่สำคัญคือ ข้าว มันสำปะหลัง ปอ ข้าวโพด ภาคนี้มีพื้นที่ทำนามากกว่าภาคอื่น ๆ แต่ผลิตผลที่ได้ต่ำ เพราะการทำนาส่วนใหญ่อาศัยน้ำฝนซึ่งไม่ค่อยแน่นอน บางปีมีน้ำมาก บางปีไม่มีน้ำเลย ภาคนี้พอถึงฤดูแล้งน้ำในแม่น้ำลำธารจะเหือดแห้งไปเสียส่วนใหญ่ ถึงฤดูฝนประชาชนก็ไม่ได้เตรียมการเก็บกักน้ำฝนไว้ใช้ให้เป็นที่แพร่หลายกัน เว้นแต่เก็บน้ำฝนไว้ดื่มกินเท่านั้น การขาดแคลนน้ำในภาคนี้ทำให้ไม่ค่อยมีการปลูกพืชหลังการเก็บเกี่ยวข้าวแล้ว ทำให้ผลผลิตมีน้อย เป็นเหตุให้ประชากรในภูมิภาคนี้มีความยากจนเป็นส่วนมาก ปัญหาขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตรทำให้เกิดโครงการน้ำพระทัยจากในหลวง หรือที่รู้จักกันในนาม โครงการอีสานเขียว ความมุ่งหมายของโครงการนี้เพื่อหวังจะยกระดับความเป็นอยู่ของประชากรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือให้ดีขึ้น โดยการหาและสร้างแหล่งน้ำ ปรับปรุงวิธีการประกอบอาชีพ ปรับปรุงด้านสุขภาพอนามัย สิ่งสำคัญที่ควรจะพิจารณาคือพื้นที่ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือหลายแห่งไม่เหมาะสำหรับปลูกข้าว เพราะข้าวต้องการน้ำมาก แต่เหมาะสำหรับเลี้ยงสัตว์โดยเฉพาะการเลี้ยงวัว แต่การเลี้ยงวัวเลี้ยงควายโดยการปลูกหญ้าให้เป็นอาหารสัตว์นั้นยังทำกันไม่ค่อยแพร่หลายในภาคนี้ การเลี้ยงสัตว์จึงไม่ค่อยได้ผล สำหรับงานฝีมือ เช่น การทอผ้าไหมและการจักสานในภาคนี้ทำกันได้ดีมีฝีมือประณีต แต่การทำในลักษณะที่เป็นกิจการใหญ่โตทำครั้งละมาก ๆ เพื่อการค้ายังไม่เป็นที่นิยมกันในหมู่ประชาชน
เนื่องจากความขัดสนในพื้นที่ผู้คนในภาคนี้จึงได้ดิ้นรนไปหางานทำกันในภาคอื่น ส่วนมากไปในลักษณะการบุกเบิกหาที่ทำกินใหม่ เรียกว่า " หานาดี " ในภายหลังการหานาดีก็ทำได้ยาก เพราะไม่มีพื้นที่จะให้บุกเบิกใหม่ ส่วนใหญ่จึงไปทำงานรับจ้างในที่ต่าง ๆ และไปกันถึงต่างประเทศ เช่น ประเทศสิงคโปร์ บรูไน และในประเทศเขตทะเลทรายตะวันออกกลาง ปัญหาของภูมิภาคนี้คือการหาหนทางปรับปรุงสิ่งที่มีอยู่ในภูมิภาค สร้างอาชีพใหม่ ๆ ให้เข้ากับสภาพทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ โดยเฉพาะการเลี้ยงสัตว์และตั้งโรงงานที่รองรับผลิตผล เหล่านี้จะสามารถแก้ปัญหาในภูมิภาคนี้ได้มาก

วันจันทร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2552


เคส (Case) คือ ส่วนที่บรรจุอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ เช่น แผงวงจนหลัก ฮาร์ดิสก์ หน่วยความจำ หน่วยประมวลผล เคสมีทั้ง


ฮาร์ดดิสก์ (Hard Disk) เป็นอุปกรณ์เก็บข้อมูลและโปรแกรม ภายในจะมีข้อมูลและโปรแกรมต่างๆ บรรจุอยู่

เครื่องขับคอมแพคดิสก์ หรือซีดีรอม (CD-ROM) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้อ่านข้อมูล บนแผ่นซีดี มีความสามารถเก็บข้อมูลได้เป็นจำนวนมาก

วันพฤหัสบดีที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2552

ภาคกลาง (ประเทศไทย)

ได้แบ่งภาคกลางออกเป็น 22 จังหวัด (ระบบ 6 ภาค) อย่างเป็นทางการ ซึ่งประกอบไปด้วย [1]
กรุงเทพมหานคร
กำแพงเพชร
ชัยนาท
นครนายก
นครปฐม
นครสวรรค์
นนทบุรี
ปทุมธานี
พระนครศรีอยุธยา
พิจิตร
พิษณุโลก
เพชรบูรณ์
ลพบุรี
สมุทรปราการ
สมุทรสงคราม
สมุทรสาคร
สระบุรี
สิงห์บุรี
สุโขทัย
สุพรรณบุรี
อ่างทอง
อุทัยธานี
นอกจากการแบ่งตามราชบัณฑิตยสถานแล้ว หน่วยงานอื่นยังมีการกำหนดขอบเขตของภาคกลางแตกต่างกันออกไป คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กำหนดให้ภาคกลางประกอบด้วย 9 จังหวัดได้แก่ [1]
กรุงเทพมหานคร
ชัยนาท
นนทบุรี
ปทุมธานี
พระนครศรีอยุธยา
ลพบุรี
สระบุรี
สิงห์บุรี
อ่างทอง

[แก้] ลักษณะภูมิประเทศ
ลักษณะภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นที่ราบลุ่ม กว้างใหญ่ เกิดจากตะกอนดิน ทราย กรวดที่ถูกแม่นำพัดพามาทับถมกัน จนกลายเป็นที่ราบที่มีพื้นที่มากที่สุดในประเทศไทย ได้แก่ ที่ราบดินดอนสามเหลี่ยมเจ้าพระยา แม่น้ำแม่กลอง และแม่น้ำบางปะกง บริเวณที่ราบลุ่มตอนบน เป็นที่ราบลอนคลื่น บางแห่งเป็นที่ราบขั้นบันได และที่ราบลุ่มน้ำท่วมถึงของแม่น้ำปิง วัง ยม น่าน บริเวณขอบเป็นที่ราบแคบๆหรือเนินเขา และบริเวณกล่มเขาโดดนครสวรรค์เป็นที่ราบลอนคลื่นและมีเนินเขาเตี้ยๆโผ่เป็นระยะจากนครสวรรค์ถึงชัยนาท

[แก้] อาชีพของคนภาคกลาง
ลักษณะของพื้นที่ภาคกลางจะเป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำ ดังนั้นคนส่วนใหญ่ในพื้นที่ภาคกลาง จึงประกอบอาชีพเกษตร การเลี้ยงสัตว์ และการทำประมงทั้งน้ำจืดและประมงน้ำเค็ม อีกทั้งอาชีพค้าขายก็เป็นอีกอาชีพหนึ่งที่คนภาคกลางนิยมกันมาก เพราะว่าภาคกลาง จะมีทางคมนาคมที่สะดวกสบายทั้งทางบกและทางน้ำ ทำให้เหมาะแก่การทำการค้าเป็นอย่างยิ่ง
อาชีพในภาคกลาง ส่วนใหญ่เป็นการเพาะปลูก คือการทำนา แต่จะมีอาชีพอย่างอื่นอีกมาก เช่น การทำไร่ข้าวโพด ข้าวฟ่าง การทำสวนผัก สวนผลไม้ เช่น สวนส้ม ส้มโอ มะขามหวาน มะม่วง การเลี้ยงปลา เลี้ยงกุ้ง เลี้ยงสุกร วัวเนื้อ วัวนม ไก่เนื้อ ไก่ไข่ ฯลฯ นอกจากนั้นยังมีการอุตสาหกรรมต่าง ๆ การค้า งานบริการ ล้วนแต่เป็นอาชีพสำคัญ กรุงเทพมหานครเป็นนครที่ใหญ่โตมีประชากรมาก รวมกิจกรรมทางเศรษฐกิจทุกอย่างไว้ และขณะเดียวกันก็รวมเอาปัญหาสารพัดอย่างไว้ด้วย เช่น ปัญหาชุมชนแออัด ปัญหาอาชญากรรม ยาเสพย์ติด การจราจรติดขัด มลพิษทั้งอากาศและน้ำ ภาคกลางจึงเป็นศูนย์รวมทางเศรษฐกิจทุกด้าน ดังนั้นประชากรในเขตนี้โดยเฉลี่ยจึงมีความเป็นอยู่ดีกว่าประชากรในเขตอื่น ขณะที่ประทศเริ่มมีผลิตผลทางอุตสาหกรรมมากขึ้น การขยายตัวได้เริ่มจากภาคนี้และทำให้ในปัจจุบันมูลค่าการส่งออกของผลิตผลทางอุตสาหกรรมมีมากกว่ามูลค่าการส่งออกของผลิตผลทางด้านเกษตรกรรม ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าเราส่งสินค้าทางการเกษตรน้อยลง แต่เป็นผลมาจากการเปรียบเทียบมูลค่าระหว่างสองกลุ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
เนื่องจากภาคกลางเป็นแหล่งอาชีพที่สำคัญจึงพบว่าประชากรในภูมิภาคอื่นได้อพยพมาหางานในภูมิภาคนี้โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานครและบริเวณใกล้เคียง นอกจากประชากรในประเทศเราแล้วยังมีคนต่างประเทศ เช่น กัมพูชา พม่า ลาว บังกลาเทศ ได้พยายามแอบมาหางานทำในภูมิภาคนี้ จึงนับได้ว่าภาคกลางเป็นภาคที่ก้าวหน้าทางด้านเศรษฐกิจกว่าภูมิภาคอื่นๆ

วันจันทร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2552


พระมหาเจดีย์มหารัชมงคล"สัญลักษณ์แห่งพระรัตนตรัยที่ถ่ายทอดศิลปกรรม และสถาปัตยกรรม อันแสดงออกถึงความเคารพเลื่อมใสของพุทธศาสนิกชน อันแสดงออกถึงความจงรักภักดีและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นเอกอัครศาสนูปถัมภก ผู้ทรงคุณอันประเสริฐ

วันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2552

ข้อมูลเขตภาษ๊เจริญ

เขตภาษีเจริญ เป็น 1 ใน 50 เขตการปกครองของกรุงเทพมหานคร อตั้งอยู่บริเวณฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยาหรือฝั่งธนบุรี มีอาณาเขตติดต่อกับพื้นที่การปกครองข้างเคียง เรียงตามเข็มนาฬิกา ดังนี้
ทิศเหนือ ติดต่อกับเขตตลิ่งชัน มีคลองบางเชือกหนังเป็นเส้นแบ่งเขต
ทิศตะวันออก ติดต่อกับเขตบางกอกใหญ่และเขตธนบุรี มีคลองบางกอกใหญ่และคลองบางหลวงน้อยเป็นเส้นแบ่งเขต
ทิศใต้ ติดต่อกับและเขตจอมทองและเขตบางบอน มีคลองวัดนางชี คลองตาม่วง คลองสวนเลียบ คลองวัดโคนอน คลองบางหว้า คลองสวนหลวง คลองรางบัว คลองตาฉ่ำ ลำประโดง คลองวัดสิงห์ และคลองบางโคลัด เป็นเส้นแบ่งเขต
ทิศตะวันตก ติดต่อกับเขตบางแค มีคลองพระยาราชมนตรี คลองบางแวก คลองบางไผ่ และคลองลัดตากลั่น เป็นเส้นแบ่งเขต

[แก้] ที่มาของชื่อเขต
ชื่อของเขตนั้นนำมาจากชื่อของ คลองภาษีเจริญ ที่ขุดขึ้นเชื่อมแม่น้ำท่าจีน (ที่ตำบลดอนไก่ดี อำเภอกระทุ่มแบน แขวงเมืองสมุทรสาคร) กับคลองบางกอกใหญ่ เพื่อเป็นการสัญจรทางน้ำ ซึ่งเน้นการส่งอ้อยและน้ำตาลจากต่างจังหวัดเข้าสู่เมืองหลวง โดยเริ่มขุดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2401 เสร็จสมบูรณ์ในปี พ.ศ. 2415 และชื่อคลองตั้งตามชื่อพระภาษีสมบัติบริบูรณ์ (ต่อมาเป็น พระยาพิสณฑ์สมบัติบริบูรณ์) ผู้เป็นแม่กองดูแลงานขุดคลองนี้

[แก้] ประวัติศาสตร์
จากนั้นได้มีผู้คนย้ายมาตั้งถิ่นฐานอยู่ริมคลองภาษีเจริญมากขึ้นจนเป็นชุมชนใหญ่ ทางราชการจึงได้จัดตั้ง อำเภอภาษีเจริญ ขึ้นในปี พ.ศ. 2442 มีฐานะเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดธนบุรี และในปี พ.ศ. 2498 กระทรวงมหาดไทยได้จัดตั้งสุขาภิบาลบางแคขึ้นในพื้นที่บางส่วนของตำบลบางแค บางหว้า และบางด้วนที่ตั้งอยู่ริมคลองสายนี้ และในปี พ.ศ. 2513 ได้ขยายเขตออกไปจนครอบคลุมพื้นที่เกือบทั้งอำเภอ (เหลือเพียงตำบลบางไผ่ ตำบลบางแวก ส่วนตำบลคูหาสวรรค์และตำบลปากคลองภาษีเจริญอยู่ในเขตเทศบาลนครธนบุรีมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2479)
ภายหลังได้มีการรวมจังหวัดธนบุรีกับจังหวัดพระนครเข้าด้วยกันเป็นจังหวัดนครหลวงกรุงเทพธนบุรี และเปลี่ยนเป็นกรุงเทพมหานครในปี พ.ศ. 2515 ซึ่งได้ยุบการปกครองท้องถิ่นแบบสุขาภิบาลและเทศบาล รวมทั้งได้เปลี่ยนการเรียกตำบลและอำเภอใหม่ อำเภอภาษีเจริญจึงได้รับการเปลี่ยนแปลงฐานะเป็น เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2515 มีหน่วยการปกครองย่อย 10 แขวง
ต่อมาพื้นที่ทางทิศตะวันตกของเขตภาษีเจริญมีความเจริญและมีประชากรหนาแน่น กรุงเทพมหานครได้จัดตั้งสำนักงานเขตภาษีเจริญ สาขา 1 ดูแลแขวงบางแค บางแคเหนือ และบางไผ่ และในปี พ.ศ. 2540 กระทรวงมหาดไทยได้มีประกาศแบ่งพื้นที่ปกครองของสำนักงานเขตภาษีเจริญ สาขา 1 ดังกล่าวออกไปตั้งเป็นเขตบางแคยู่ในกลุ่มเขตตากสิน ซึ่งถือเป็นแหล่งจ้างงานใหม่ แหล่งที่อยู่อาศัยหนาแน่นมาก และศูนย์ราชการทางทิศตะวันตกของกรุงเทพมหานคร